การเปิดเพลงขณะเล่นเกมเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่มีความหลากหลายและสามารถมีประโยชน์ได้ตามความต้องการและสไตล์การเล่นของแต่ละคน นี่คือเหตุผลบางประการที่บางคนเลือกที่จะเปิดเพลงขณะเล่นเกม:
- สร้างบรรยากาศ: เพลงสามารถช่วยสร้างบรรยากาศในเกมได้ ยิ่งเกมที่มีโลกและสถานที่ในเกมที่กว้างใหญ่หรือมีความหลากหลายมาก เพลงสามารถเสริมเติมความเป็นส่วนตัวและความลึกลับในเกมได้เป็นอย่างดี โดยเลือกเพลงที่เหมาะสมกับฉากหรือสถานที่ในเกม เช่น การเล่นเกมผจญภัยที่มีทิวทัศน์สวยงามอาจมีเพลงสำหรับทิวทัศน์ที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนั้นๆ
- เพิ่มความตื่นเต้น: บางครั้งการเปิดเพลงที่มีจังหวะแรงหรือเนื้อเพลงที่เร้าใจสามารถช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและความเข้มข้นในเกมได้ นี่เป็นสิ่งที่นักกีฬาอาชีพบางคนทำเพื่อเพิ่มสมรรถภาพและความมุ่งมั่นในการแข่งขันด้วย
- ลดความเครียด: เพลงสามารถทำหน้าที่เป็นการหยุดชะงักสำหรับใจและให้ความสงบสติ การเล่นเกมบางเกมอาจมีสถานการณ์ที่น่ารำคาญหรือท้าทายมาก การเปิดเพลงอาจช่วยให้คุณรักษาระดับความสงบในกระบวนการเล่นเกม
- สร้างประสบการณ์ส่วนตัว: เพลงบางเพลงอาจมีความหมายส่วนตัวหรือเชื่อมโยงกับประสบการณ์ส่วนตัวของคุณ การเล่นเพลงนี้ขณะเล่นเกมอาจช่วยให้คุณมีความรู้สึกเชื่อมโยงกับเกมมากขึ้น
- สนุกสนาน: บางครั้งการเปิดเพลงเพื่อสนุกสนานเป็นเพียงการผ่อนคลายและเพลิดเพลินตัวเอง เมื่อคุณเล่นเกมเพื่อสนุกสนานและไม่ใช่การแข่งขันหรือฝึกฝน การเปิดเพลงอาจช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับเกมมากขึ้น
นี่คือเหตุผลที่บางคนชอบเปิดเพลงขณะเล่นเกม แต่สิ่งสำคัญคือคุณควรทราบว่าการเปิดเพลงนี้ไม่สามารถเหมาะกับทุกเกมหรือทุกคน บางครั้งการฟังเสียงเกมหรือการติดตามเสียงของเกมอาจเป็นสิ่งสำคัญกว่าการเปิดเพลง ดังนั้นคุณควรปรับตั้งค่าเพลงขณะเล่นเกมให้เหมาะกับความต้องการและสถานการณ์ของคุณในแต่ละครั้งเพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับคุณเอง.
นี่คือรายชื่อเพลง 10 เพลงที่เหมาะสำหรับเล่นเกม ซึ่งสามารถเสริมสร้างบรรยากาศและช่วยให้คุณมีประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้น:
- “The Hero” – Jam Project (จากเกม One Punch Man: A Hero Nobody Knows)
- “Ezio’s Family” – Jesper Kyd (จากเกม Assassin’s Creed II)
- “Dragonborn” – Jeremy Soule (จากเกม The Elder Scrolls V: Skyrim)
- “Through the Fire and Flames” – DragonForce (จากเกม Guitar Hero III: Legends of Rock)
- “Still Alive” – Jonathan Coulton (จากเกม Portal)
- “Doom (2016) Theme” – Mick Gordon (จากเกม Doom (2016))
- “Geralt of Rivia” – Marcin Przybyłowicz (จากเกม The Witcher 3: Wild Hunt)
- “Megalovania” – Toby Fox (จากเกม Undertale)
- “Main Theme” – Martin O’Donnell (จากเกม Halo: Combat Evolved)
- “To Zanarkand” – Nobuo Uematsu (จากเกม Final Fantasy X)
เพลงเหล่านี้มีสไตล์และบรรยากาศที่ต่างกัน ดังนั้นคุณสามารถเลือกเพลงที่เหมาะกับประสบการณ์การเล่นเกมของคุณได้ตามสไตล์ที่คุณชอบและเกมที่คุณเล่นอยู่ในขณะนั้นว่ามันเหมาะสมหรือไม่